กลยุทธ์ทางการตลาดสำคัญอย่างไร ?
กลยุทธ์ทางการตลาดจัดว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่ง
ในการทำธุรกิจบน eBay ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันก็มี
กลยุทธ์ทางการตลาดมากมาย ที่ผู้ขายสามารถนำมาปรับใช้
ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง
1. ศึกษาราคาสินค้าเพื่อตั้งราคาที่เหมาะสม
เริ่มแรกคุณควรศึกษาดูว่า สินค้าประเภทที่คุณต้องการจะขาย
ผู้ขายรายอื่นเขาขายกันที่ราคาเท่าไหร่ และถ้าคุณต้องการที่จะขายสินค้านั้นบ้าง
คุณก็ควรตั้งราคาขายที่เหมาะสม ไม่ตัดราคารุนแรงจนขาดทุน หรือทำให้ตลาดเสีย
ซึ่งคุณสามารถศึกษาราคาตลาดได้จากเครื่องมือที่ eBay พัฒนาขึ้น
และเปิดให้ใช้งานได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เช่น Explore eBay “What It’s Worth”
หรือการ Search Sold Listings / Completed Listings ในเว็บของ eBay ก็ได้
ผู้ขายบน eBay ควรจะสำรวจราคาตลาด และปรับระดับราคาสินค้าของคุณ
อยู่เป็นระยะ ๆ เนื่องจากสินค้าหลายประเภทมักจะได้รับความนิยมตามฤดูกาล
เทศกาล หรือ สภาพอากาศของแต่ละซีกโลก ซึ่งแตกต่างกันตามแต่ละช่วงเวลาของปี
ถ้าหากสินค้าที่คุณกำลังขายกำลังเป็นที่นิยม และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
คุณก็สามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยตามความเหมาะสม หรือ
ถ้าคุณต้องการขายสินค้าที่มีราคาผกผันตามตลาดโลก เช่น เครื่องเงิน
คุณก็ควรที่จะคำนวณต้นทุนให้รอบคอบ และตั้งราคาที่เหมาะสม
เพื่อจะได้ไม่พลาดโอกาสที่จะสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล
2. มองหาแหล่งสินค้าใหม่ ๆ ที่มีต้นทุนเหมาะสม และคุณภาพดี
ผู้ขายบน eBay ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมักจะมีการลงขายสินค้าใหม่ ๆ หรือเพิ่มไลน์
สินค้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดอยู่กับที่ และสังเกตได้ว่าจะขายสินค้าที่หลากหลาย
โดยอาจจะเริ่มจากทดลองขายในปริมาณที่ไม่มากเพื่อดูว่าตลาดตอบสนองอย่างไร
ถ้าตลาดให้ความนิยม ก็จะขายเพิ่มได้เรื่อย ๆ และคว้ากำไรได้ก่อนผู้ขายรายอื่น
หรือในบางครั้งผู้ขายอาจจะทดลองขายสินค้าจากผู้ผลิตเจ้าใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพดีขึ้น
ทำให้ขายได้ง่ายขึ้น และได้กำไรดีกว่าเดิม ดังนั้น การผูกสัมพันธ์กับผู้ผลิตที่ไว้ใจได้หลาย ๆ เจ้า ก็นับว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ทำให้ผู้ขายมีแหล่งจัดหาสินค้าที่ดี
3. ศึกษาคู่แข่งทางการตลาดเพื่อวางแผนกลยุทธ์ให้ดีขึ้น
พยายามตรวจสอบความเคลื่อนไหวของคู่แข่งในตลาดเป็นระยะ ๆ โดยดูจาก Completed Listing และ Active Listing ใน eBay รวมถึงพยายามศึกษาคู่แข่ง
ที่กำลังขายอยู่ในช่องทางอื่น ๆ ด้วยว่า มีการปรับราคาขึ้น – ลงของราคา
มากน้อยเพียงใด หรือ มีการเปลี่ยนมาขายสินค้าอะไรบ้าง เพราะเทรนด์ของสินค้า
มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยคุณสามารถใช้เครื่องมือที่ช่วยให้คุณดูแนวโน้ม
ทิศทางของตลาดได้อย่าง Explore eBay
4. เปรียบเทียบ Keyword และ Listing เพื่อปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา
ผู้ขายบน eBay ที่ใช้ Seller Hub เป็นเครื่องมือในการวัดผลการขายของตน
จะทราบว่ามีฟีเจอร์ Growth > Listing improvements > Analyze listing
ที่ช่วยเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่า Listing ของคุณอยู่ตรงส่วนไหนในของตลาด
มีโอกาสในการขายยังไงบ้างเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ติดอันดับการ Search
ของผู้ซื้อหรือไม่ มีคนเห็นสินค้าของคุณกี่ครั้ง (Traffic , Impression , Views , Conversion) ราคาที่นิยมตั้งขายกันคือเท่าไหร่ และราคาที่ขายได้จริงคือเท่าไหร่
แล้วคุณควรจะ Revise Listing อย่างไร จึงจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้ดีขึ้น
เช่น การเปลี่ยน Keyword ใน Title หรือ การเพิ่มข้อมูลของสินค้าใน Item Specifics ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น หรือ จะทำแคมเปญ Promoted Listing
หรือลดราคาด้วย Markdown Manager ก็เป็นอีกทางหนึ่ง
ที่จะช่วยเพิ่ม Traffic ของคุณได้
5. วิเคราะห์ประสิทธิภาพในการทำธุรกิจของคุณเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้ขาย eBay ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จะมีการวิเคราะห์ธุรกิจ และกระบวนการทำงานของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาวิธีใหม่ ๆ
เพื่ออุดช่องว่าง และลดจุดอ่อน โดยมี 5 ข้อสำคัญที่คุณต้องคอยสังเกตตนเองโดยศึกษาจาก eBay Seller Hub ได้แก่
- สินค้าที่คุณเลือกมาขายสอดคล้องกับเทรนด์ของตลาดหรือไม่ ควรหาสินค้าอะไรมาขายเพิ่ม หรือ มีสินค้าอะไรบ้าง ที่ควรจะลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย
- วิธีการเขียน Listing – Title – รูปภาพ – Item Specifics มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ควรใส่ใจกับรายละเอียดมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย
- กลยุทธ์การทางตลาด การขายสินค้า การจัดส่งสินค้า การบริการลูกค้าดีแค่ไหน สามารถพัฒนาในส่วนไหนได้อีก
- ผลสำเร็จในการขาย กำไร ต้นทุน ค่าใช้จ่าย มีส่วนไหนที่ควรปรับปรุงอย่างไรบ้าง ฤดูกาลมีผลต่อการขายของคุณหรือไม่
- พยายามรักษาสถานะของบัญชีผู้ขาย Seller Performance ไม่ให้ตกไปอยู่ในระดับ Below Standard คอยสังเกต Defect Rate อยู่ตลอดเวลา และแก้ปัญหาให้ตรงจุด
เพียงคุณเริ่มต้นทำตาม “5 กลยุทธ์วิเคราะห์ตลาด สู่ยอดขายที่โตอย่างต่อเนื่อง” การทำธุรกิจบน eBay ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป